“กาหลมหรทึก” เป็นละครฟอร์มใหญ่จากช่องดิจิทัลน้องใหม่มาแรงอย่างช่อง One 31 ซึ่งเค้าโครงของบทละครดัดแปลงมาจากหนังสือนวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนของนักเขียนมีชื่ออย่าง “ปราปต์” โดยผลงานของเขาถูกการันตีด้วยรางวัลมากมาย อาทิ รางวัลนายอินทร์อวอร์ด สาขานวนิยายยอดเยี่ยม ประจำปี พ.ศ.2557 รางวัลชมเชยการประกวดหนังสือดีเด่นของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปี พ.ศ. 2558 เป็นต้น
ซึ่งจุดเด่นของเรื่องนี้คือการที่ฆาตกรจัดฉากฆาตกรรมเหยื่อทั้งหมดของเขาตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วทั้งเขตพระนครและธนบุรี อย่างไรก็ตามผู้เขียนจะนำเอาบางสถานที่ในเรื่องมาประยุกต์กับสถานที่อื่น ๆ เพื่อให้เป็น One Day Trip ที่เดินง่ายและสะดวกสำหรับผู้อ่านมากที่สุด โดยสถานที่ดังกล่าวประกอบด้วย
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร
สถานที่แรกในการท่องเที่ยวครั้งนี้ คือ “วัดโพธิ์” ซึ่งนอกจากจะเป็นพระอารามหลวงแล้ว ยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 เปรียบได้ดั่งมหาวิทยาลัยแห่งแรกของสยามประเทศอีกด้วย วัดแห่งนี้เป็นที่จุดประกายให้ปราปต์เกิดไอเดียในการแต่งนวนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะภายในวัดมีการจัดแสดง “กลโคลงพรหมภักตร์” อันเป็นข้อมูลสำคัญในการช่วยให้ตัวเอกไขปริศนาเงื่อนงำการฆาตกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดภายในเรื่องได้นั่นเอง นอกจากนี้สถานที่นี้ยังถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบฉากสำคัญ ๆ ในเรื่องหลายต่อหลายฉากอีกด้วย
วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร
วัดอรุณ เป็นวัดโบราณที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ต่อมารู้จักกันในอีกชื่อว่า “วัดแจ้ง” เหตุจากเขาเล่าว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงทำศึกเสร็จแล้วยกทัพกลับมาถึง ณ สถานที่แห่งนี้เวลารุ่งเช้าพอดี สถานที่นี่มิได้เกี่ยวข้องกับละครแต่อย่างใด แต่เนื่องด้วยเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามที่แม้แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ให้ความสำคัญเข้ามาเยี่ยมชมอย่างไม่ขาดสาย จึงอยากเชิญชวนให้ผู้อ่านได้ลองมาสัมผัสกับความงดงาม ณ สถานที่แห่งนี้ดูสักครั้ง
ศาลเจ้าเกียนอันเกง
ศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุกว่าหนึ่งร้อยปี อาจกล่าวได้ว่าเป็นศาลเจ้าแห่งหนึ่งที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในย่านฝั่งธนบุรี สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในที่สวยงาม มีบรรยากาศอันสงบร่มรื่น เป็นสถานที่ที่ถูกกล่าวถึงในตอนท้าย ๆ ของเรื่องกาหลมหรทึก คาดว่าถูกสร้างขึ้นในสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นสถานที่ที่มีการอนุรักษ์จนได้รับ “รางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทปูชนียสถานและวัดวาอาราม ในปี 2551”
ชุมชนกุฎีจีน
ชุมชนกุฎีจีน มีที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นหนึ่งในชุมชนอันเก่าแก่ของฝั่งธนบุรี เป็นชุมชนที่มีการผสมผสานของผู้คนหลากหลายศาสนาและเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นคนไทย จีน หรือฝรั่ง อันจะเห็นได้จากศาสนสถานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม ศาลเจ้า ตลอดจนโบสถ์เก่าแก่อย่างโบสถ์ซางตาครู้ส หรือที่เรียกกันว่า “วัดกุฎีจีน” ที่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี นอกจากคุณค่าทางประวัติศาสตร์แล้วชุมชนแห่งนี้ยังมีขนมโบราณที่ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยอย่าง “ขนมฝรั่งกุฎีจีน” ซึ่งกลายมาเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ประกอบฉากที่สำคัญของกาหลมหรทึก ในคดีปริศนารอยสัก ลำดับที่ 4 “คดีร้านขนมเนื่องนวล” และหากว่าผู้อ่านท่านใดยังไม่เคยมีโอกาสได้ชิมรสชาติของขนมชนิดนี้ ก็สามารถไปลิ้มลองกันได้ทุกวัน ณ ชุมชนกุฎีจีน
วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร
สถานที่สุดท้ายของทริปนี้ก็คือวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วัดรั้วเหล็ก” เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ใกล้กับเชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า ฝั่งธนบุรี วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ สร้างโดยสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) เมื่อ พ.ศ. 2371 ภายในวัดมีพระบรมธาตุมหาเจดีย์ ซึ่งเป็นพระเจดีย์องค์ใหญ่ทรงกลม สัณฐานรูปโอคว่ำ วัดแห่งนี้ถูกใช้เป็นฉากในคดีรอยสักปริศนาลำดับที่ 2 ของกาหลมหรทึก โดยใช้ชื่อว่า กุฏิคณะ 11 ซึ่งเป็นที่พำนักของท่านพระมหาสุชีพ ผู้เกี่ยวข้องหลักในคดีนั่นเอง
อย่างไรก็ตามไม่ว่าแรงบันดาลใจที่ทำให้เราอยากออไปท่องเที่ยวนั้นคืออะไร แต่การได้ออกไปยังสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าสถานที่นั้นจะเป็นสถานที่ใด หรือมีที่มาเป็นอย่างไร เชื่อเหลือเกินว่าเราท่านจะได้รับประสบการณ์ชีวิตจากการได้ก้าวออกไปไม่มากก็น้อย