One Day Trip ณ ลพบุรี ง่ายนิดเดียว

“ลพบุรี” เป็นจังหวัดหนึ่งที่ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางของประเทศไทย โดยมีแม่น้ำสำคัญที่ไหลผ่านจัดหวัด คือ แม่น้ำลพบุรี ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม และที่ราบสลับเนินเขา มีลักษณะภูมิอากาศแบบร้อนชื้น ประชากรส่วนใหญ่หาเลี้ยงชีพด้วยการทำเกษตรกรรม เนื่องจากพื้นที่มีความเหมาะสม แต่ในปัจจุบันลพบุรีกำลังถูกพัฒนาเศรษฐกิจในด้านอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ในตัวเมืองลพบุรีสามารถทำได้ง่าย ๆ หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้รถยนต์ส่วนตัว รถตู้โดยสาร หรือรถไฟ ซึ่งในบทความนี้ผู้เขียนอยากแนะนำผู้อ่านให้ลองไปเที่ยวตัวเมืองลพบุรีแบบ One Day Trip ด้วยรถไฟและรถตู้โดยสารกันสักครั้ง

หากออกเดินทางจากกรุงเทพฯ รถไฟที่จะพาท่านเดินทางไปยังลพบุรีในรอบเช้าช่วงที่เหมาะสมมากที่สุดมีด้วยกัน 2 รอบคือ รถไฟขบวนที่ 111 และขบวนที่ 7 โดยออกออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงเวลา 7.00 น. และ 8.30 น. ตามลำดับ และจะเดินทางถึงสถานีรถไฟลพบุรีประมาณ 9.42 น. และ 10.28 น. ตามลำดับ ซึ่งตั๋วรถไฟนี้ท่านสามารถจองล่วงหน้าได้ง่าย ๆ เพียงโทรไปที่หมายเลข 1690 และยังสามารถจองตั๋วล่วงหน้าได้ถึง 90 วันอีกด้วย

เมื่อเดินทางมาถึงยังสถานีรถไฟลพบุรีแล้วนั้น สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่ท่านสามารถไปเยี่ยมชมได้ก็คือ “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี” เนื่องจากมีที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับตัวสถานีรถไฟ วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระปรางค์องค์ใหญ่ที่สูงที่สุดในจังหวัดลพบุรี ซึ่งคาดว่าเป็นพระปรางค์แบบไทยที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด โดยสันนิษฐานว่าอาจถูกสร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18-19

สถานที่ต่อมา คือ ศาลพระกาฬ และ พระปรางค์สามยอด ท่านสามารถเดินเลี้ยวซ้ายออกจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เข้าสู่ถนนหน้าศาลพระกาฬ แล้วเดินตรงมาเป็นระยะทางประมาณ 450 เมตร จะพบกับวงเวียนศรีสุนทรซึ่งด้านขวามือคือที่ตั้งของศาลพระกาฬอันเป็นโบราณสถานและศาสนสถาน เป็นศาลที่มีความสำคัญสูงสุด เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองลพบุรีเลยก็ว่าได้ โดยภายในประดิษฐานเทวรูปโบราณ มีชื่อว่า “เจ้าพ่อพระกาฬ”

ส่วนด้านซ้ายมือเป็นที่ตั้งของพระปรางค์สามยอด ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญของลพบุรี ประกอบด้วยองค์พระปรางค์ 3 องค์ สร้างขึ้นด้วยศิลาแลง ศิลปะที่ใช้ในการออกแบบเป็นศิลปะขอมแบบบายน สันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงครองราชย์ เมื่อมาถึงยังสถานที่แห่งนี้ นอกจากท่านจะได้ชื่นชมกับโบราณสถานอันล้ำค่าแล้ว ยังมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับฝูงลิงเจ้าถิ่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางครั้งอาจต้องคอยระมัดระวังในความซุกซนและความดุร้ายของเจ้าจ๋อพวกนี้เอาไว้ด้วย

สถานที่ต่อไปที่แนะนำว่าควรไป คือ “บ้านเจ้าพระยาวิชาเยนทร์” โดยมีที่ตั้งห่างจากพระปรางค์สามยอดไปทางเหนือประมาณ 500 เมตร บ้านเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ หรือที่รู้จักอีกชื่อว่า บ้านหลวงรับราชทูต ถูกสร้างขึ้นใน พ.ศ. 2228 ในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพื่อใช้รับรองราชทูตชาวตะวันตกที่มาขอเข้าเฝ้าพระองค์ ภายในบริเวณบ้านแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน อันประกอบด้วยบ้านพักของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์และท้าวทองกีบม้าผู้เป็นภรรยา ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันออก ส่วนกลางเป็นที่ตั้งของโบสถ์ในศาสนาคริสต์ และทางด้านทิศตะวันตกเป็นที่ตั้งของบ้านพักของคณะทูตชาวฝรั่งเศสที่มาเข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์มหาราช

สถานที่สุดท้ายที่นักท่องเที่ยวท่านใดที่ได้มีโอกาสมาเที่ยวเมืองลพบุรี หากไม่แวะไปเยี่ยมชม ก็อาจเรียกได้ว่ามาไม่ถึงก็เป็นได้ สถานที่นั้น คือ “พระนารายณ์ราชนิเวศน์” ซึ่งเป็นพระราชวังที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2209 ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับ ต้อนรับแขกบ้านเขกเมือง ออกว่าราชการ ตลอดจนล่าสัตว์ ซึ่งปัจจุบันได้ถูกบูรณะและใช้เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วังนารายณ์”

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่สามารถเดินเท้าเยี่ยมชมได้อย่างทั่วถึงดังกล่าวแล้ว ภายในตัวเมืองลพบุรียังมีร้านอาหารทั้งคาวหวานให้แวะรับประทานกันตลอดวัน และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในการท่องเที่ยวทั้งวันแล้วนั้น ท่านสามารถโดยสารรถตู้สาธารณะซึ่งมีวินตั้งอยู่ใกล้กับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเพื่อกลับสู่กรุงเทพมหานครได้โดยสวัสดิภาพ

 

Related Post

นักท่องเที่ยวสายป่า มาทดสอบจิตใจกันที่ “ผาหินกูบ”นักท่องเที่ยวสายป่า มาทดสอบจิตใจกันที่ “ผาหินกูบ”

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในหลาย ๆ ประเทศของโลกที่มีธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำเข้าประเทศ เนื่องด้วยข้อได้เปรียบทางด้านพื้นที่ที่ตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณเส้นศูนย์สูตร ทำให้ประเทศไทยมีความหลากหลายและความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องของทรัพยากรธรรมชาติ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยว่าทำไมประเทศไทยถึงได้มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขาสีเขียว หรือทะเลสีคราม เรียกได้ว่านักท่องเที่ยวท่านใดหากมีโอกาสได้มาเยือนสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในประเทศไทยจะต้องประทับใจไม่รู้ลืมอย่างแน่นอน และหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่จะพลาดไปเสียไม่ได้ในประเทศไทยนั้น ก็คือการได้เดินเท้าเหยียบย่ำเข้าไปในดินแดนแห่งป่าเขาลำเนาไพร ไปสัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามและน่าอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานได้มีโอกาสมาเห็นกับตา ว่านอกจากแสงสีเสียงของสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองใหญ่โตนั้นแล้ว ยังมีสถานที่เล็ก ๆ ที่เงียบสงบแต่ชวนให้อบอุ่นหัวใจตั้งอยู่ตามพื้นที่ห่างไกลในต่างจังหวัด รอให้เขาเดินทางเข้ามาสัมผัสด้วยตนเองอีกมากมาย “ผาหินกูบ” ชื่อนี้อาจจะไม่เป็นที่คุ้นชินเท่าไหร่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่สายเดินป่า แต่ถ้านักท่องเที่ยวท่านใดที่อยู่ในแวดวงการเดินป่าก็คงจะรู้จักกันดี หรือไม่ก็อาจจะเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างไม่มากก็น้อย ผาหินกูบตั้งอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว หน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งเพล ต.ฉมัน อ.มะขาม จ.จันทบุรี มีความสูงจากระดับทะเลปานกลางประมาณ 960 เมตร และด้วยระยะทางเดินกว่า

ดำน้ำ ชมโลกใต้บาดาล 4 สถานที่ที่ต้องไปให้ครบดำน้ำ ชมโลกใต้บาดาล 4 สถานที่ที่ต้องไปให้ครบ

โลกใต้น้ำเป็นอีกพื้นที่ที่น่าไปสัมผัส ได้แหวกว่ายอยู่ในน้ำอย่างอิสระ ชมสัตว์น้ำธรรมชาติและพืชพันธุ์ คงเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน การดำน้ำใต้ท้องทะเลนั้นไม่ใช่เรื่องยาก จริง ๆ แล้วคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็สามารถดำน้ำได้นะ ใครไม่เคยลองก็แนะนำว่าต้องมาลองสักครั้ง เพราะใต้ท้องทะเลสวยงามกว่าที่เห็นในทีวีจริง ๆ ลองมาดูกันว่าในไทยมีที่ไหนบ้างที่เหมาะกับการไปเปิดโลกใต้น้ำ เกาะหินซ้อน สตูล ด้วยเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครนั้นทำให้เกาะหินซ้อนมีความโดดเด่นจากการที่มีหินก้อนใหญ่วางซ้อนทับกันได้โดยไม่หล่นลงมาอยู่กลางแนวโขดหิน จึงได้ชื่อมาว่าเกาะหินซ้อนนั่นเอง เกาะแห่งนี้อยู่ในอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ซึ่งบริเวณรอบ ๆ เกาะนี้จะเป็นจุดชมวิว ชมพระอาทิตย์ตกและยังเป็นพื้นที่สำหรับดำน้ำได้ด้วย ซึ่งใต้ทะเลอันดามันแห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยปะการัง ดอกไม้ทะเล และปลาการ์ตูนมากมายสวยงามรอให้เราได้เข้าไปสัมผัสด้วยตาตัวเอง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน หากตั้งใจอยากดำน้ำชมปะการังแบบจริงจังเลยล่ะก็ต้องมาหมู่เกาะสิมิลันเลย เพราะที่นี่มีปะการังที่ค่อนข้างหลากหลายชนิดมากกว่าที่อื่น และมีปะการังที่หมู่เกาะอื่นนั้นไม่มีด้วยนะ นอกจากนี้แล้วยังมีสิ่งมีชีวิตอีกหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ทะเล หอยมือเสือ

หนึ่งวัน ร้อยภาพถ่าย ล้านความทรงจำ ณ “สมุทรปราการ” วันหยุดที่ไม่เคยหยุดหนึ่งวัน ร้อยภาพถ่าย ล้านความทรงจำ ณ “สมุทรปราการ” วันหยุดที่ไม่เคยหยุด

เขตติดต่อกรุงเทพมหานครที่ไม่ได้มีดีเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิ ใช่แล้วเรากำลังหมายถึงจังหวัด สมุทรปราการ เมืองที่ออกแบบให้สัมผัสถึงความอบอุ่นด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ไม่จำเจ สร้างบรรยากาศให้ชีวิตคู่รัก ชีวิตครอบครัว ทวีคูณความหวานยิ่งขึ้น ทว่าคนโสดที่มาคนเดียวอาจจะอยากเริ่มต้องการใครมาเดินเคียงข้างก็สมุทรปราการ เป็นอีกจังหวัดที่ใกล้กรุงเทพฯ มากเสียจนหลายคนคิดว่าเป็นเขตหนึ่งของเมืองหลวง อาจเป็นเพราะมีระบบขนส่งที่ทันสมัยวิ่งผ่าน ประกอบกับเป็นที่ตั้งของสนามบินแห่งชาติของประเทศ จนกลายเป็นจังหวัดที่คุ้นชินของคนเมืองแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนโดยไม่รู้ตัว ความหลากหลายและไม่จำเจของแหล่งท่องเที่ยว จะทำให้คุณเพลิดเพลินตั้งแต่เช้ายันมืด อาจทำให้คุณหมดแรงและเลือกเช็คอินปล่อยอารมณ์หนึ่งคืน ในจังหวัดที่ใกล้บ้านคุณแห่งนี้ ในการวางแผนทริปเที่ยวสมุททรปราการในครั้งนี้ เราอยากให้คุณเริ่มต้นเช้าที่สดใส ด้วยการปั่นจักรยานสูดอากาศอันบริสุทธิ์ ณ บางกะเจ้า สถานที่สำหรับนักปั่นจักรยานทั้งมืออาชีพและสมัครเล่น ซึ่งคุณสามารถขี่ลัดเลาะเข้าที่นี่ไปที่นู่นได้ทั้งวัน อาทิ แวะถ่ายรูปที่ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์, เข้ากราบนมัสการ องค์พิฆเนศ